กลัวมั้ย “ลูกติดมือ”

คุณแม่หลายบ้าน กังวลมากๆ เกี่ยวกับ เรื่อง “ลูกติดมือ”
.
#ลูกติดมือ ตามความเข้าใจของคนทั่วไป คือ การร้องให้อุ้มโดยไม่มีสาเหตุ หรือ ไม่ยอมนอนถ้าไม่อุ้ม ถูกต้องมั้ยคะ?
.
ข้อเท็จจริง ก็คือ ..
ในช่วง 3 เดือนแรก การร้องไห้ของเด็ก อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น หิว, อุจจาระ หรือปัสสาวะ .. ซึ่งผู้ใหญ่จำเป็นต้องหาสาเหตุ เพื่อตอบสนองความต้องการของเด็ก

แต่อีกสาเหตุ คือ การรู้สึก “โหยหาความอบอุ่น” (ขึ้นกับนิสัยของเด็กแต่ละคน) .. ซึ่งผู้ใหญ่สามารถเติมเต็มสิ่งนี้ให้กับเด็ก ด้วยการอุ้ม, กอด และ พูดปลอบประโลม เพื่อให้เด็กคลายกังวลแล้วสงบลง

แต่ถ้าเป็นการร้องเฉพาะตอนกลางคืน อาจเป็นภาวะ ”โคลิก” ก็ได้ค่ะ .. ซึ่งจะหายได้เอง หลังอายุครบ 3 เดือน
(หากสงสัย สามารถพาน้องพบกุมารแพทย์ใกล้บ้านได้เลยค่ะ)
.
ทราบหรือไม่คะ ว่า ..
>> เด็กที่ได้รับการสนองตอบความต้องการ และกอดให้ความรัก เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ต่อผู้ใหญ่ได้ดีที่สุด (คนนั้นอาจเป็น พ่อ, แม่ หรือผู้เลี้ยงคนอื่น)
>> เด็กจะมีความเชื่อใจ และมั่นใจว่า #เค้าเป็นที่รัก เกิดความเติมเต็มในจิตใจ
>> เมื่อเด็กโตขึ้น จะเป็นเด็กที่ “สุขภาพจิตดี” .. ไม่เรียกร้องความสนใจ และ ส่งผลดีถึงระดับสติปัญญาในอนาคตด้วย

สำหรับเด็กที่ #ขาดความรัก ในวัยนี้ .. เมื่อโตขึ้น มักกลายเป็นเด็กที่ “เรียกร้องความสนใจ” .. มีความต้องการไม่รู้จักพอ และแน่นอนว่า อาจส่งผลเสียถึงระดับสติปัญญาเช่นกัน

** จึงเป็นจุดเริ่มต้นของประโยคที่ว่า “พ่อไม่รัก แม่ไม่อุ้ม” นั่นเอง **
.
จริงๆ แล้ว หลังอายุ 3 เดือนขึ้นไป ..
อาการ ลูกติดมือ จะค่อยๆหายไปเองค่ะ เมื่อเค้าได้รับความรักอย่างเพียงพอ

** การร้องไห้ในเด็ก 3 เดือนแรก #ไม่ใช่การเรียกร้องความสนใจ หรือการเอาแต่ใจ เหมือนใน เด็กโต **

แต่ .. ในเด็กที่ได้รับการเติมความรักไม่เพียงพอ ก็จะโหยหาความรัก และเรียกร้อง จนติดเป็นนิสัย .. ซึ่งตรงนี้ อาจจำเป็น ต้องเข้ารับการปรับแก้พฤติกรรมในอนาคต (ถ้าคุณพ่อ, คุณแม่ คิดว่า เป็นปัญหา)
.
ช่วง 3 เดือนแรกนี้ คือ เวลาทอง ..
คุณแม่ควรเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ ให้ได้มากที่สุดนะคะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน .. การสัมผัส และกอดลูก คือ สิ่งที่เติมเต็มความอบอุ่น ในใจของ #เราและลูก ได้ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ

ก่อนที่เค้าจะโต จนคุณแม่อุ้มไม่ไหว หรือ ไม่ยอมให้กอด .. ถึงตอนนั้น จะมานึกย้อนเสียดายเวลา ก็ไม่ทันแล้ว .. หลัง 3 เดือน ค่อยมาว่ากันค่ะ
.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ..
▪วิธีเลี้ยงลูกของแต่ละครอบครัว ย่อม #แตกต่างกัน ขึ้นกับความเชื่อ และประสบการณ์ของแต่ละครอบครัว เป็นหลัก
▪คำแนะนำของหมอ เป็นเพียงหลักการ และข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ซึ่ง อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกครอบครัว
▪ขอให้คุณแม่พิจารณาตามความเหมาะสม และดูที่ความสบายใจของเรา + พฤติกรรมของลูกของเราเป็นหลักนะคะ

ส่วนตัวหมอเอง มีแต่ความปรารถนาดีมอบให้เท่านั้น และเคารพทุกการตัดสินใจค่ะ